Tuesday, April 21, 2015

ช่วยด้วย ตำรวจจับ

ชื่อก็บอกแล้วว่า ตำรวจจับ จับอะไร อย่าเพิ่งคิดลึก จับกุมนั่นเอง อยู่เมืองไทยไม่เคยโดนตำรวจจับ โดนอย่างมากก็แค่เรียกเตือนขับรถผิดเลนส์ อยู่ญี่ปุ่นแล้วโดนตำรวจจับมันเลยเป็นเรื่องตื่นเต้นพอสมควร เลยอยากเอาประสบการณ์มาเผื่อแผ่กัน

เนื่องจากผมเป็นคนต่างชาติ มาอยู่ในประเทศเขา เขาก็กลัวว่าเราจะแอบหนีเข้าเมือง หลายครั้งเลยที่ถูกตำรวจเรียกขอดูบัตรประจำตัวคนต่างด้าว บัตรนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า เอเลี่ยนการ์ด (Alien card) ผมเลยกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวตอนมาอยู่ญี่ปุ่นนี่แหละ ไม่รู้ใครเป็นคนตั้งชื่อ คิดได้ไงเนี่ย กลับมาที่พี่ตำรวจต่อ พอเราให้ดูก็ถามโน่นนี่ว่าเรามาทำอะไรที่ญี่ปุ่น มานานยัง จะกลับเมื่ิอไหร่ อะไรประมาณนี้ บางทีตำรวจนอกเครื่องแบบก็ซุ่มอยู่ตามสถานีใหญ่ๆ วันนึงพาแม่ไปเที่ยวดีสนี่ย์แลนด์ ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานีโตเกียว ลงบันไดเลื่อนมาเจอตำรวจนอกเครื่องแบบโผล่มา เอาตราตำรวจให้ดู บอกว่าเป็นตำรวจ ขอดูพาสปอร์ตหน่อย สงสัยเราคงดูเหมือนนักท่องเที่ยวมั้ง แม่เลยให้ดูพาสปอร์ต ผมก็ให้ดูบัตรมนุษย์ต่างดาว ก็ไม่มีปัญหาอะไร

จริงๆเราเป็นคนเอเซียเหมือนกัน (ยกเว้นคนที่สีผิวหรือหน้าผ่าเหล่า) หน้าคล้ายๆกัน แต่ทำไมเค้ารู้ล่ะว่าเราเป็นคนต่างชาติ บางทีเค้าได้ยินเราพูดภาษาที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นบ้าง การแต่งตัวบ้าง เพราะปกติคนญี่ปุ่นเวลาออกไปไหนก็จะแต่งตัวดูดีมีชาติตระกูล แต่นักท่องเที่ยวก็จะเน้นสบายๆและถูกๆเข้าไว้ เวลากลับจะได้ทิ้งได้เพื่อเอาน้ำหนักไปให้กับของช้อปทั้งหลาย มีครั้งนึงไปกับเพื่อนคนอินโดนีเซีย มันก็แหย่เราเป็นภาษาอังกฤษว่า อ้าวนั่นเค้าติดป้ายประกาศจับแกอยู่นิ ตำรวจอยู่ตรงนั้นพอดี เลยถูกเรียกเลย

นอกจากหน้าที่ที่ต้องตรวจบัตรมนุษย์ต่างดาวแล้ว พี่ตำรวจยังมีหน้าที่เช็คเลขทะเบียนจักรยานด้วย รถจักรยานที่ญี่ปุ่นจะต้องมีทะเบียนทุกคัน ตอนซื้อเค้าจะให้กรอกชื่อที่อยู่ เบอร์โทร สีรถ แล้วก็จัดการลงทะเบียนกับศูนย์ เวลาเจอตำรวจเรียก ตำรวจก็จะถามชื่อเจ้าของจักรยาน แล้วดูเลขทะเบียน วิทยุเช็คไปยังศูนย์ทะเบียนว่าข้อมูลตรงกันหรือเปล่า ถ้าเราจะยกจักรยานให้คนอื่น จะต้องเสีย 500 เยนเพื่อเปลี่ยนข้อมูลของทะเบียนรถ สามารถทำได้ที่ร้านขายจักรยานทั่วไป ถ้าไม่ได้เปลี่ยนข้อมูล เราต้องจำชื่อเจ้าของตามทะเบียนให้ได้

ส่วนใหญ่นักเรียนต่างชาติจะไม่สนใจเรื่องนี้เพราะคิดว่าไม่สำคัญ จักรยานก็รับมาจากรุ่นพี่ที่กลับประเทศไปแล้ว รุ่นพี่ก็รับมาจากรุ่นปู่รุ่นทวดอีกทีนึงโดยไม่มีการเปลี่ยนชื่อและไม่ได้บอกชื่อเจ้าของกันไว้ ทีนี้ตำรวจเรียกก็ยุ่งล่ะซิ ผมมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องแบบนี้ รับจักรยานมาจากเพื่อนโดยไม่รู้ว่าชื่อเจ้าของ คิดว่าขี่แถวๆบ้านเท่านั้นคงไม่เป็นไร วันนึงขี่จักรยานจากสถานีรถไฟกลับบ้านดึก เจอตำรวจโบกมือให้จอก แล้วตรวจบัตรมนุษย์ต่างดาวตามปกติ แล้วถามว่าจักรยานเป็นของเราเหรอ ก็บอกว่าใช่ เค้าก็เช็คทะเบียนกับชื่อเรา ไม่ตรง เราก็บอกว่ารับมาจากเพื่อน แล้วเพื่อนชื่ออะไร ก็ไม่ตรง เลยบอกว่าเพื่อนรับมาอีกหลายต่อจนไม่รู้ชื่อเจ้าของแล้ว เลยต้องโดนพาตัวไปโรงพัก เราก็จะเข็นจักรยานไป ตำรวจบอกว่าห้ามจับ เพราะว่านี่เป็นของกลาง เดี๋ยวจะเข็นไปเอง นี่เรามีของกลางผิดกฎหมายอยู่ในมือด้วยเหรอเนี่ย ตอนนั้นมีน้องไปด้วยคนนึง น้องก็โทรไปหาเพื่อนจะถามชื่อเจ้าของ เราก็ถูกให้เข้าไปในห้องสอบสวนแยกต่างหาก ถ้าเอาโคมไฟมาส่องหน้านะ เหมือนสอบสวนนักโทษแป๊ะเลย ตำรวจก็เอาจักรยานขึ้นลิฟห์ไปเก็บไว้ที่ที่เก็บของกลาง รออยู่ห้านาที ตำรวจอีกสองคนก็เข้ามาสอบประวัติ มาจากไหน ทำอะไร อยู่ไหน ตอนนั้นผมอยู่หอพักนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัย ตำรวจบอกว่า อ๋อเด็กหอนี้โดนจับกันบ่อย ถามช้ำไปช้ำมาประมาณ 20 นาทีก็ปล่อยตัว ไปเอาจักรยานมาคืน เลยถามตำรวจว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อตัวเองได้ยังไง ตำรวจบอกว่าต้องให้เจ้าของตามชื่อเท่านั้นมาเซ็นต์ชื่อเปลี่ยน ไม่วั้นเปลี่ยนไม้ได้ อ้าวก็เราไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครอ่ะ ตำรวจแนะว่าให้เลิกใช้จักรยานคันนี้ เลิกใช้ก็คือทิ้งน่ะเหรอ ของยังใช้ได้ แต่ให้ทิ้ง มิน่าล่ะญี่ปุ่นถึงได้ใช้ทรัพยากรเปลือง เพราะส่วนนึงก็มาจากเศษเหล็กที่มาจากของที่ใช้ได้แต่ไม่ให้ใช้นี่เอง

No comments:

Post a Comment